เตรืยมฉีดวัคซีน Pfizer เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป ผู้ปกครองต้องให้ความยินยอม ขณะที่ กทม. เริ่มฉีดวัคซีน

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยถึงแนวทางการให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของประเทศไทย โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019  มีมติเห็นชอบการให้บริการฉีดวัคซีน Pfizer สำหรับผู้ที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป ด้วยความยินยอมของผู้ปกครอง โดยจะ เริ่มภายในเดือนตุลาคม นี้

กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ นักเรียน/นักศึกษา ที่ศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 – 6 หรือ ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช./ปวส.) หรือเทียบเท่า โดยแบ่งเป็น 2 ระยะ ระยะแรกสำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4 - 6 หรือประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช/ปวส.) หรือเทียบเท่า   ถัดไปจะจัดสรรวัคซีนสำหรับระดับชั้นอื่น ๆ ที่เหลือ  โดยรูปแบบการให้บริการจะเป็นการให้บริการผ่านสถานศึกษาที่มีผู้มีอายุ 12 ปีขึ้นไปกำลังศึกษาอยู่ 

โดย ศบค. ได้เร่งให้ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข และกรุงเทพมหานคร  สำรวจกลุ่มเป้าหมาย จัดทำแผนจัดสรร กำหนดช่วงเวลาเข้ารับวัคซีนและประสานสถานศึกษาเพื่อนำนักเรียนเข้ารับการฉีดวัคซีน  ทั้งนี้  สถานศึกษาต้องชี้แจงผู้ปกครองเพื่อขอความยินยอมในการรับวัคซีนและจัดส่งใบยินยอม และแจ้งจำนวนนักเรียนที่จะเข้ารับ ทั้งนี้ จะมีการเฝ้าระวังอาการภายหลังได้รับการฉีดวัคซีนด้วย สำหรับสถาบันการศึกษาที่นักเรียน/นักศึกษามีอายุเกิน 18 ปี ก็สามารถให้รับวัคซีน Pfizer ได้โดยอนุโลม ซึ่งทางกระทรวงศึกษาฯ จะเร่งดำเนินการฉีดให้เร็วและครอบคลุมที่สุด เพื่อรับการเปิดภาคเรียนที่ 2/2564 

นางสาวรัชดาฯ ยังเผยว่า ขณะนี้ สำนักอนามัย กรุงเทพมหานครได้ดำเนินการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการวางแผนการให้บริการฉีดวัคซีนไฟเซอร์แก่นักเรียนที่อยู่ในกลุ่มผู้มีภาวะเสี่ยงและผู้ที่มีโรคประจำตัว 7 โรคเรื้อรัง ทุกสังกัดในพื้นที่กทม. ซึ่งแผนดังกล่าวครอบคลุม การจัดหน่วยสาธารณสุขเพื่อให้บริการฉีดวัคซีน การติดตามอาการภายหลังได้รับวัคซีน และการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติและการเตรียมตัว เนื่องจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับนักเรียนจะต้องดำเนินการควบคู่กับมาตรการป้องกัน และเฝ้าระวังโรคในสถานศึกษาด้วย โดยจะเริ่มการให้บริการฉีดวัคซีนแก่เด็ก ตั้งแต่ วันที่ 21 ก.ย. นี้เป็นต้นไป 

"การฉีดวัคซีนแก่เด็กและเยาวชนจะต้องได้รับการยินยอมจากผู้ปกครอง ยึดความปลอดภัยของเด็ก ติดตามอาการหลังการได้รับวัคซีนด้วย  จึงขอให้สถานศึกษาเร่งสร้างการรับรู้แก่เด็ก ผู้ปกครอง รวมทั้งบุคคลากรในโรงเรียน ถึงเป้าหมายการฉีดวัคซีน เพื่อลดอาการป่วยหนัก และเสียชีวิต สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดภาคเรียน ให้เด็กและเยาวชนสามารถกลับเข้าสู่การเรียนการสอนแบบ Onsite ได้"  นางสาวรัชดาฯ กล่าว  

-----------------------

ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/45725


Line

คะแนนโหวต :
StarStarStarStarStar
รายการยอดนิยม