กระตุ้นเทรนด์เมืองรอง รับนักท่องเที่ยว Digital Nomad

การส่งเสริมท่องเที่ยวเมืองรองของรัฐบาลเพื่อกระจายรายได้จากการท่องเที่ยวไปทั่วประเทศให้มากขึ้น ไม่กระจุกตัวเฉพาะเมืองท่องเที่ยวหลักชื่อดัง นโยบายนี้มีมาต่อเนื่องจนมาเกิดการแพร่ระบาดของโควิด ทำให้การท่องเที่ยวแทบทุกส่วนต้องหยุดชะงักไป แต่ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันโควิดคลี่คลาย รัฐบาลเปิดประเทศผ่อนปรนมาตรการป้องกันโควิดลงเกือบทั้งหมด การท่องเที่ยวกลับมาคึกคักขึ้นตามลำดับ นักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาในไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่วนนักท่องเที่ยวชาวไทยเองก็เที่ยวกันในประทศมากขึ้น รวมถึงการเที่ยวเมืองรองก็กลับมาได้รับความสนใจมากขึ้นตาม จนเป็นกระแสที่สะท้อนออกมาทางโซเชียลมีเดีย

ในขณะเดียวกันการท่องเที่ยวของโลกหลังผู้ติดเชื้อโควิดลดลง ก็เกิดนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ที่มาจาก Digital Nomad หรือคนที่ทำงานโดยใช้เทคโนโลยีเป็นหลัก สามารถทำงานและใช้ชีวิตจากที่ไหนก็ได้ คนที่ทำงานลักษณะนี้จำนวนมากเลือกทำงานไปด้วยท่องเที่ยวไปด้วยจากทั่วทุกมุมโลก ดังนั้นตั้งแต่ 1 ก.ค.นี้ ที่ไทยเราจะยกเลิกการลงทะเบียนThailand Pass ให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ น่าจะทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในไทยมากขึ้น รวมถึงนักท่องเที่ยวจากกลุ่ม Digital Nomad ที่คาดว่าจะเข้ามาในไทยมากขึ้นด้วยเช่นกัน ผู้ประกอบการท่องเที่ยวโดยเฉพาะในเมืองรองควรเตรียมการรับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เอาไว้ เพราะเมืองรองมักเป็นจุดหมายปลายทางของกลุ่ม Digital Nomad เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายและค่าครองชีพถูกกว่าเมืองท่องเที่ยวหลัก ทำให้อยู่ไปทำงานไปเที่ยวไปได้นานขึ้น

รัฐบาลเดินหน้าหนุนท่องเที่ยวพร้อมให้เน้นประชาสัมพันธ์เมืองรอง

ตั้งแต่การระบาดของโควิดมีผู้ติดเชื้อลดลงต่อเนื่อง รัฐบาลได้ผ่อนปรนมาตรการป้องกันโควิดลงมาตามลำดับ อย่างการยกเลิกTest & Go มีผลตั้งแต่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในไทยตลอดเดือน พ.ค.กว่า 5.3 แสนคน มากกว่าเดือนเม.ย.กว่า 2 แสนคน (เม.ย.65 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามากว่า 2.93 แสนคน) และเมื่อสถานการณ์โควิดคลี่คลายลงอีกรัฐบาลได้ยกเลิกการลงทะเบียนThailand Pass สำหรับคนไทยที่กลับเข้าประเทศเพิ่มเติม พร้อมปลดล็อกเปิดสถานบันเทิงพวก ผับ บาร์ คาราโอเกะได้ในพื้นที่สีเขียวและสีฟ้านำร่องท่องเที่ยว มีผลตั้งแต่ 1มิ.ย.ที่ผ่านมา ทำให้ยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น เดือน มิ.ย.นี้ เข้ามาในไทยเฉลี่ยวันละกว่า 2.3หมื่นคน หรือตลอดทั้งเดือนนี้น่าจะทะลุ 7 แสนคน และสถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในไทยตั้งแต่ 1ม.ค.- 26 มิ.ย. 2565 มีถึง 2,027,230 คน ประเทศที่เข้ามามากสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ อินเดีย กว่า 2.2 แสนคน มาเลเซียกว่า 1.84 แสนคน สหราชอาณาจักรกว่า 1.21 แสนคน สิงคโปร์ กว่า 1.2 แสนคน และสหรัฐอเมริกา กว่า 1 แสนคน

ขณะเดียวกันตั้งแต่ 1 ก.ค.เป็นต้นไป รัฐบาลจะยกเลิกการลงทะเบียน Thailand Pass แก่ชาวต่างชาติ จะทำให้การลงทะเบียนThailand Pass ถูกยกเลิกทั้งหมด เหลือเพียงการแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนที่ครบตามกำหนด หรือแสดงผลตรวจโควิดสำหรับผู้รับวัคซีนไม่ครบตามกำหนด ไม่ต้องมีการซื้อประกันสุขภาพสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกต่อไป และยังมีการปรับพื้นที่สีเป็นสีเขียวทั่วประเทศ หมายความว่า สามารถเปิดได้ทุกสถานประกอบการและทำได้ทุกกิจกรรมทั่วประเทศ จึงคาดว่าตั้งแต่ 1ก.ค.เป็นต้นไปจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นอีก ขณะที่การท่องเที่ยวในประเทศรัฐบาลยังคงเดินหน้าส่งเสริม โดยเมื่อ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีเห็นชอบโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4 ส่วนต่อขยาย เพิ่มอีก 1.5 ล้านสิทธิ รวมเป็น 3.5 ล้านสิทธิ ไปจนถึงสิ้นเดือนตุลาคม เพื่อช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายและการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศให้เพิ่มมากขึ้น พร้อมเน้นประชาสัมพันธ์ให้เกิดการท่องเที่ยวในเมืองรองเพิ่มขึ้นอีก เพื่อเป็นการกระจายรายได้จากการท่องเที่ยวให้ทั่วถึงทั่งประเทศ ยกตัวอย่างเมืองรอง ภาคเหนือ อาทิ เชียงราย แม่ฮ่องสอน พะเยา พิษณุโลก ภาคใต้ อาทิ สตูล ระนอง ชุมพร นครศรีธรรมราช ภาคกลาง อาทิ สุพรรณบุรี ลพบุรี นครนายก สมุทรสาคร ราชบุรี ภาคอีสาน อาทิ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สุรินทร์ อุดรธานี บึงกาฬ เลย เป็นต้น

เที่ยวเมืองรองคึกคัก เป็นกระแสในโซเชียลมีเดีย

การที่รัฐบาลส่งเสริมให้เกิดการเที่ยวเมืองรองให้มากขึ้น ขณะนี้การท่องเที่ยวเมืองรองก็ได้รับความนิยมมากขึ้นตามไปด้วย เห็นได้จากผู้ใช้งานเฟซบุ๊กที่ปรับตัวดีขึ้นในทุกภูมิภาคและกระจายไปยังเมืองรองมากขึ้น สอดคล้องกับจำนวนผู้เยี่ยมเยือนหรือผู้เช็กอินจุดท่องเที่ยวในเมืองรองช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้สูงถึง 23.3 ล้านครั้ง หรือสูงถึง 30% ของผู้เช็กอินชาวไทยทั้งหมดในช่วง4 เดือนแรกของปี เมืองรองที่ได้รับความนิยมสูงสุด ได้แก่ เชียงราย สมุทรสงคราม ลพบุรี และสุพรรณบุรี ซึ่งตอบโจทย์ทั้งเรื่องการหลีกเลี่ยงความแออัดของเมืองท่องเที่ยวหลัก การให้ประสบการณ์และเอกลักษณ์เฉพาะของท้องถิ่น ค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่า 20-40% เมื่อเทียบกับเมืองหลักในภูมิภาคเดียวกัน

เมืองรอง เตรียมรับนักท่องเที่ยว Digital Nomad

นช่วงที่หลายประเทศล็อกดาวน์จากวิกฤตโควิด-19 ทำให้นายจ้างทั่วโลกต้องปรับตัวนำเทคโนโลยีและรูปแบบการทำงานผ่านระบบออนไลน์จนเกิดเทรนด์การทำงานจากที่ไหนก็ได้ในยุคดิจิทัล หรือ Digital Nomad ได้กลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ได้รับการยอมรับในวงกว้างเห็นได้จากปัจจุบันมีการออกวีซ่าประเภท Digital Nomad ต้อนรับนักเดินทางกลุ่มนี้แล้วกว่า 20 ประเทศทั่วโลก เช่น อินโดนีเซีย ออกวีซ่าให้กลุ่มDigital Nomad อยู่ได้ถึง5ปี และไม่ต้องเสียภาษีหากมีรายได้จากต่างประเทศ ประเทศไซปรัส ออกวีซ่านี้ให้แก่คนนอกสหภาพยุโรปอยู่ได้สูงสุด 1ปีและต่อได้อีก2ปีถ้าจำเป็น ส่วนมอลตา ให้ Digital Nomad ที่เป็นคนนอกสหภาพยุโรปอยู่ทำงานได้ถึง 1ปี เป็นต้น คนที่ทำงานในลักษณะนี้มีจำนวนมากเลือกท่องเที่ยวไปด้วยทำงานไปด้วยจากทั่วทุกมุมโลก ดังนั้นตั้งแต่ 1 ก.ค.นี้ ที่ไทยเริ่มยกเลิกลงทะเบียนThailand Pass แก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เปิดประเทศเต็มรูปแบบใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดโควิด คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นอีก รวมถึงนักท่องเที่ยวกลุ่มDigital Nomad ด้วย เพราะจากการที่เว็บไซต์ Instant Offices ภายใต้บริษัท The Instant Group บริษัทด้านการหาผลลัพธ์การทำงานที่ยืดหยุ่นจากสหราชอาณาจักร จัดให้กรุงเทพมหานครเป็นอันดับ 2 เมืองที่ดีที่สุดในโลกสำหรับกลุ่ม Digital Nomad ประจำปี ค.ศ. 2022 พิจารณาการจัดอันดับจากความสามารถในการจับจ่าย สภาพภูมิอากาศ ความเร็วของระบบอินเทอร์เน็ต ทิวทัศน์ และการขนส่ง เป็นต้น โดยการถูกจัดอันดับดังกล่าวน่าจะเป็นสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่ม Digital Nomad เข้าสู่กรุงเทพฯ มากขึ้น นอกจากนี้เมืองรองยังถือเป็นอีกจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เช่นกัน เพราะเมืองรองมีปัจจัยดึงดูดจากค่าใช้จ่ายและความแออัดของผู้คนที่น้อยกว่าเมืองหลักขนาดใหญ่ แถมยังมีเสน่ห์จากเอกลักษณ์เฉพาะท้องถิ่น นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้สามารถอยู่ไป ทำงานไป ท่องเที่ยวไปได้ยาวกว่า ดังนั้นผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยวในเมืองรองควรเตรียมการรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มDigital Nomad นี้ไว้ด้วย อย่าง การจัดเตรียมสัญญาณอินเทอร์เน็ตโดยเฉพาะแบบ wifi ที่มีสัญญาณแรงเพียงพอ เป็นต้น

ทั้งหมดที่ว่ามาสะท้อนให้เห็นถึงกระแสการท่องเที่ยวไทยที่กลับมาคึกคักต่อเนื่องหลังโควิดคลี่คลาย จึงคาดหวังว่าภาคการท่องเที่ยวจะเป็นตัวจักรสำคัญในการฟื้นฟูประเทศจากวิกฤตโควิด และช่วยผลักดันเศรษฐกิจไทยให้ฝ่าวิกฤตราคาพลังงานที่ไทยกำลังเผชิญอยู่ไปให้ได้

ข้อมูล 

 


Line

คะแนนโหวต :
StarStarStarStarStar