นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวถึงข้อเตือนภัยเกษตรกร ให้ระวัง 2 เพลี้ย ทำลายสวนมะม่วงหิมพานต์ พร้อมแนวทางในการป้องกันและกำจัดเพลี้ยไฟ เนื่องจากช่วงนี้กลางวันจะมีแดดจัด ลมแรงและอากาศแห้ง ส่วนกลางคืนอากาศเย็นและมีอุณหภูมิลดต่ำลง กรมวิชาการเกษตรจึงแนะเกษตรกรชาวสวนมะม่วงหิมพานต์เฝ้าระวังต้นในช่วงที่เริ่มเข้าสู่ระยะแทงช่อดอกและพัฒนาผล ให้สังเกตการเข้าทำลายของ 2 เพลี้ย คือ เพลี้ยไฟและเพลี้ยแป้ง ในส่วนของเพลี้ยไฟ จะพบการเข้าทำลายต้นมะม่วงหิมพานต์ในช่วงแตกยอดอ่อน แทงช่อดอกและผลอ่อน โดยเพลี้ยไฟจะดูดกินน้ำเลี้ยง จนส่งผลทำให้ยอดอ่อนหงิกงอหรือแห้งตาย กรณีที่ระบาดรุนแรง จะทำให้ช่อดอกไหม้เป็นสีดำ และไม่ติดผล ถ้าติดผลแล้วจะทำให้ผลร่วงหล่นได้

สำหรับการระบาดของเพลี้ยแป้งในสวนมะม่วงหิมพานต์ เริ่มแรกจะพบตัวอ่อนและตัวเต็มวัยดูดกินน้ำเลี้ยงจากผลอ่อน ส่งผลทำให้เมล็ดและผลปลอมไม่เจริญ แคระแกร็น เมล็ดลีบ หรืออาจทำให้ผลอ่อนร่วงหล่นได้ กรณีที่มีเพลี้ยแป้งในปริมาณมาก มักพบเพลี้ยแป้งเกาะเป็นกระจุกที่ลำต้นและอยู่ร่วมกันกับมด โดยมีมดเป็นพาหะนำเพลี้ยแป้งเคลื่อนย้ายไปตามส่วนต่างๆ ของต้นมะม่วงหิมพานต์ ซึ่งมดจะอาศัยน้ำหวาน จากเพลี้ยแป้งที่ถ่ายออกมา จึงควรหมั่นสำรวจผลอ่อนของต้นมะม่วงหิมพานต์อย่างสม่ำเสมอ

ที่มา  https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG210118150353664